BSP INSURANCE BROKER

ข่าวสาร

ตรวจสภาพรถยนต์ประจำปี ทำไมถึงต้องทำ !

01/11/2017

ตรวจสภาพรถยนต์ประจำปี

           โดยปกติแล้วเจ้าของรถทุกคันจำเป็นจะต้องนำรถเข้าตรวจสอบเช็คระยะเป็นประจำอยู่แล้ว อาจจะทุก 5,000 หรือ 10,000 กิโลเมตร เพื่อเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง อะไหล่ชิ้นส่วนที่จำเป็นเพื่อให้รถใช้งานได้ยาวนานที่สุดเท่านี่จะเป็นไปได้ ซึ่งถือเป็นคนละกรณีกับการตรวจสภาพรถยนต์ประจำปี โดยรถที่จะต้องตรวจสภาพก่อนเสียภาษีประจำปีได้แก่

  1. รถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกทุกประเภท โดยไม่จำกัดอายุการใช้งาน ในกรณีนี้มีรถที่เข้าข่ายต้องนำรถไปตรวจดังต่อไปนี้ รถที่มีการดัดแปลงสภาพผิดไปจากที่จดทะเบียนไว้ เปลี่ยนสีหรือตัวรถ รถที่มีปัญหาเรื่องของเลขตัวถังหรือเลขเครื่องยนต์ รถที่มีคดีถูกโจรกรรมแล้วสามารถนำกลับคืนมาได้ รถที่ขาดต่อทะเบียนเกิน 1 ปี
  2. รถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ประเภทดังนี้
  • รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ที่มีอายุใช้งานครบ 7 ปีขึ้นไป
  • รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน ที่มีอายุใช้งานครบ 7 ปีขึ้นไป
  • รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ที่มีอายุใช้งานครบ 7 ปีขึ้นไป
  • รถจักรยานยนต์ที่มีอายุใช้งานครบ 5 ปีขึ้นไป

ในการนำรถไป ตรวจสภาพประจำปี สามารถนำไปตรวจได้ที่สถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) ซึ่งได้รับการอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบกแล้ว โดยรถที่ต้องนำไปตรวจสภาพที่กรมการขนส่งทางบกเท่านั้นได้แก่ รถที่มีการดัดแปลงสภาพ รถที่เปลี่ยนสี เปลี่ยนเครื่องยนต์ รถที่มีปัญหาเกี่ยวกับเลขตัวถังหรือเลขเครื่องยนต์ รถที่ขาดการต่อทะเบียนนานเกิน 1 ปี

เจ้าของรถสามารถนำรถไปตรวจสภาพได้ล่วงหน้าไม่เกิน 3 เดือนก่อนถึงวันสิ้นอายุภาษีประจำปี โดยมีค่าใช้จ่ายในการนำรถไปตรวจดังนี้คือ รถจักรยานยนต์ 60 บาท รถยนต์ที่มีน้ำหนักรถเปล่าไม่เกิน 2,000 กิโลกรัม คันละ 200 บาท ส่วนรถยนต์ที่น้ำหนักรถเปล่าเกิน 2,000 กิโลกรัม คันละ 300 บาท ส่วนเอกสารที่จะต้องใช้มีเพียงแค่สมุดคู่มือทะเบียนรถเท่านั้น

ในกรณีตรวจไม่ผ่านเกณฑ์ ทางสถานตรวจรถจะแจ้งให้เจ้าของรถทราบถึงรายละเอียดที่จะต้องแก้ไข และนำกลับมาตรวจใหม่อีกครั้งภายใน 15 วัน โดยเสียค่าใช้จ่ายครึ่งหนึ่งของการตรวจครั้งแรก แต่ถ้าเกิน 15 วันหรือนำรถไปตรวจที่สถานตรวจรถอื่นจะต้องเสียค่าบริการเต็มจำนวตามปกติ กรณีเมื่อตรวจผ่านเรียบร้อยทางสถานตรวจรถจะออกใบรับรองการตรวจสภาพรถเพื่อนำไปใช้ดำเนินการต่อภาษีป้ายทะเบียนต่อไป

 


กลับไปหน้าข่าว